ปลูกผม fue

ปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction Hair Transplant)

การมีสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่ดีช่วยเพิ่มความมั่นใจในตนเอง นอกจากนี้ยังส่งผลถึงรูปลักษณ์และบุคลิกที่ดีอีกด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะวัย ฮอร์โมน ความเครียด มลภาวะที่ต้องเผชิญ หรือพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน แม้กระทั่งอาการป่วยล้วนส่งผลต่อความแข็งแรงของเส้นผมและหนังศีรษะทั้งสิ้น จึงมีหลายคนที่ต้องประสบปัญหาผมร่วง ผมบางจากสาเหตุเหล่านี้

ศัลยกรรมปลูกผม FUE เป็นวิธีแก้ไขปัญหาผมร่วง ผมบางที่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจจนเป็นเทคนิคยอดนิยมสำหรับการนำมาใช้รักษาคนไข้ที่ประสบกับปัญหาผมร่วง ผมบางจนส่งผลต่อความมั่นใจในตนเอง ต้องการเห็นผลการรักษาที่ชัดเจนและคงผลลัพธ์ที่ดีอย่างถาวร 

ในบทความนี้หมอจะพาไปรู้จักกับการปลูกผม FUE เทคนิคปลูกผมยอดนิยมในปัจจุบัน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจเกี่ยวกับการปลูกผม FUE มากขึ้นค่ะ

ทำความรู้จักเทคนิคการปลูกผม FUE คืออะไร

Follicular Unit Extraction Hair Transplant หรือที่รู้จักในชื่อ “ปลูกผม FUE” คือเทคนิคการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดผมรูปแบบหนึ่งเพื่อการรักษาภาวะผมร่วง ผมบางค่ะ 

โดยศัลยกรรมปลูกผม FUE จะใช้ Micropunch ซึ่งเป็นเครื่องมือขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.6-1.0 มิลลิเมตรมาทำการเจาะเอากอผมที่มีเซลล์ต้นกำเนิดผมออกทีละยูนิตหรือทีละกอ จากนั้นจึงนำกอผมนี้ไปปลูกถ่ายยังบริเวณที่ต้องการรักษาด้วยการใช้ Forceps หรือปากกาปลูกผม เมื่อการปลูกผมสำเร็จก็จะทำให้ผมบริเวณที่ผ่านการปลูกผม FUE กลับมาขึ้นใหม่อีกครั้ง

เทคนิคปลูกผม FUE เป็นวิธีปลูกผมที่พัฒนาต่อมาจากการปลูกผม FUT ซึ่งเป็นอีกวิธีปลูกผมที่มีมาก่อน ปลูกผม FUE และยังคงใช้ในการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบางจนถึงปัจจุบัน

รู้หรือไม่? ปลูกผม FUE VS ปลูกผม FUT VS DHI ต่างกันตรงไหน  

การปลูกผม FUE และการปลูกผม FUT เป็นวิธีปลูกผมแก้ปัญหาผมร่วง ผมบางที่นิยมในปัจจุบัน หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองวิธีนี้ต่างกันอย่างไร หมอต้องขอเล่าถึงการปลูกผม FUT ก่อนค่ะ

การปลูกผม FUT เป็นวิธีปลูกผมที่มีมาก่อนการปลูกผม FUE โดยมีการเก็บเกี่ยวเซลล์ต้นกำเนิดจากบริเวณที่มีความแข็งแรงและไม่มีฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างเช่น บริเวณท้ายทอย การเก็บเกี่ยวเซลล์ต้นกำเนิดนั้นจะใช้การผ่าตัดหนังศีรษะเป็นแถบกว้างไม่เกิน 1.5 – 2 เซนติเมตร ซึ่งความยาวขึ้นอยู่กับจำนวนเซลล์ต้นกำเนิดที่ต้องการใช้ เพื่อมาแยกเซลล์ต้นกำเนิดผมจากข้างนอกภายใต้กล้องจุลทรรศน์ จากนั้นจึงนำเซลล์ต้นกำเนิดผมที่แยกได้ปลูกกลับเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการรักษาค่ะ

จากที่หมอเล่าคงจะสังเกตได้ว่าทั้งสองวิธีก็ยังมีการนำเซลล์ต้นกำเนิดผมจากบริเวณที่แข็งแรงและไม่มีฮอร์โมนมาใช้ในการศัลยกรรมปลูกผม แต่การปลูกผม FUE หรือการปลูกผม FUT ก็ยังมีข้อแตกต่างอยู่ หมอขอสรุปเป็นข้อ ๆ ดังนี้ค่ะ

  • การปลูกผม FUE ไม่มีการผ่าตัดหนังศีรษะออกมาเป็นแถบเหมือนกับ FUT จึงทำให้เกิดแผลเล็กกว่ามาก ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า แตกต่างจากการปลูกผม FUT ที่จะทำให้เกิดแผลเป็นขนาดใหญ่และชัดกว่า หลังปลูกผมสำเร็จคนไข้อาจพบกับความกังวลในการตัดผมสั้นเนื่องจากอาจเห็นรอยแผลเป็นได้ 
  • การปลูกผม FUT สามารถใช้แยกจำนวนกราฟท์ผมได้มากกว่าการปลูกผม FUE เนื่องจากกอผมที่ถูกย้ายออกไปแล้วในบริเวณนั้นก็จะไม่มีการขึ้นของเส้นผมใหม่อีก หากเป็นการปลูกผม FUE ที่เป็นการเจาะกอผมออกโดยไม่ผ่าตัดอาจทำให้บริเวณที่ถูกเจาะบางลงค่ะ แต่การปลูกผม FUT จะเป็นการผ่าตัดหนังศีรษะท้ายทอยและเย็บปิด ทำให้บริเวณท้ายทอยดูไม่บางลงค่ะ

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งขั้นตอนที่ควรจะรู้จักไว้คือการทำ DHI ซึ่งปลูกผม DHI จะเป็นเทคนิคในการนำเซลล์ต้นกำเนิดที่แยกออกมาจากหนังศีรษะแล้วมาปลูกผมกลับเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผม FUE โดยการใช้เครื่องมือพิเศษช่วยในการปลูกผมกลับค่ะ 

ซึ่งการใช้เทคนิคปลูกผม DHI นี้จะช่วยให้เซลล์ต้นกำเนิดผมอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากขึ้น ลดความเสียหายขณะปลูกผมกลับ เพิ่มอัตราความสำเร็จในการปลูกผมมากขึ้นค่ะ โดยการปลูกผม FUE หรือปลูกผม FUT ก็สามารถใช้เทคนิคปลูกผม DHI ในขั้นตอนปลูกผมกลับได้เช่นกัน

สนใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการศัลยกรรมปลูกผม FUT เพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่ : ปลูกผม FUT

ขั้นตอนการปลูกผม FUE

ขั้นตอนปลูกผม FUE
ขั้นตอนปลูกผม FUE
วิธีปลูกผม FUE
วิธีปลูกผม FUE

การปลูกผม FUE มีขั้นตอนดังนี้

  1. คนไข้จะต้องพบแพทย์เพื่อประเมินก่อนการรักษาว่าเหมาะกับการศัลยกรรมปลูกผม FUE หรือไม่ หากไม่เหมาะสมจะใช้วิธีไหนในการแก้ปัญหาได้บ้างค่ะ
  2. หากแพทย์ประเมินแล้วว่าสามารถเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผม FUE ได้ ต่อไปแพทย์จะแจ้งข้อปฏิบัติก่อนและหลังการปลูกผม FUE และแจ้งเกี่ยวกับผลลัพธ์และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการปลูกผม FUE อย่างละเอียด
  3. เมื่อคนไข้พร้อมเข้ารับการรักษาแล้วเจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะคนไข้ด้วยแชมพูฆ่าเชื้อ หลังจากนี้อาจมีการถ่ายรูปสภาพเส้นผมบริเวณที่ทำการรักษาเพื่อติดตามการรักษา
  4. แพทย์จะเริ่มวางแผนการรักษา โดยการวาดแนวไรผมหรือแนวผมที่ต้องการปลูกผม FUE ในขั้นตอนนี้คนไข้สามารถร่วมออกแบบแนวผมที่ต้องการปลูกผม FUE กับแพทย์ได้ค่ะ หากต้องการปรับแนวไรผมแบบไหนที่เข้ากับรูปหน้าของคนไข้ หรือต้องการปรับแนวผมแบบที่ต้องการก็สามารถแจ้งแพทย์ได้ในขั้นตอนนี้ 
  5. เมื่อออกแบบแนวไรผมที่ต้องการเป็นที่เรียบร้อย อาจมีการขออนุญาตถ่ายรูปหลังวาดแนวไรผมอีกครั้ง
  6. จากนั้นจะเริ่มเข้าสู่การทำหัตถการปลูกผม FUE ค่ะ อย่างแรกแพทย์จะทายาชาบริเวณที่จะศัลยกรรมปลูกผม FUE ตามที่ได้วางแผนเอาไว้ก่อนหน้านี้
  7. แพทย์จะให้คนไข้นอนคว่ำหน้าเพื่อความสะดวกในการเจาะนำกอผมซึ่งเป็นส่วนของเซลล์ต้นกำเนิดผมจากบริเวณที่มีความแข็งแรงและไม่มีอิทธิพลของฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างบริเวณท้ายทอยด้วยการใช้ Micropunch ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับเจาะกดเข้าไปเพื่อแยกกราฟท์ผมออกจากผิวหนังศีรษะ โดยแพทย์จะต้องกด Micropunch ไปตามทิศทางของแกนผมอย่างแม่นยำและไม่กดลึกจนเกินไปเนื่องจากอาจทำให้เซลล์ต้นกำเนิดผมที่อยู่ลึกถึงชั้นหนังแท้เสียหายได้
  8. ในขั้นตอนการเก็บเกี่ยวกราฟท์ผมนี้อาจใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมงโดยที่คนไข้จะรับรู้ตลอดกระบวนการเนื่องจากไม่มีการใช้ยาสลบ แต่จะใช้ยาชาเพื่อบรรเทาความรู้สึกเจ็บปวดแทน หากระหว่างการเก็บเกี่ยวนี้คนไข้ต้องการพักเพื่อเข้าห้องน้ำก็สามารถแจ้งแพทย์ได้ค่ะ
  9. หลังสิ้นกระบวนการเก็บเกี่ยวเซลล์ต้นกำเนิดผมแล้วแพทย์อาจให้คนไข้พักรับประทานอาหารก่อนได้
  10. เมื่อพักเสร็จแล้วก็จะเริ่มเข้าสู่การนำเซลล์ต้นกำเนิดผมที่เก็บเกี่ยว มาปลูกกลับในบริเวณที่ต้องการรักษาด้วยเทคนิคปลูกผม FUE ค่ะ เริ่มแรกแพทย์จะฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการปลูกผม FUE ให้คนไข้และรอจนกว่ายาชาจะออกฤทธิ์
  11. เมื่อยาชาทำงานแล้ว แพทย์จะนำกราฟท์ผมที่เตรียมไว้ปลูกกลับเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการรักษา ในขั้นตอนนี้แพทย์จะต้องปลูกกลับเข้าไปทีละกอ ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-4 ชั่วโมงค่ะ
  12. เมื่อแพทย์ศัลยกรรมปลูกผม FUE ให้กับคนไข้ครบแล้วก็จะให้คนไข้ฉายแสงจากเครื่อง Heallite เพื่อกระตุ้นให้แผลหายเร็วขึ้นก่อนจะให้คนไข้กลับบ้าน หลังจากนั้นหมอจะนัดมารับการฉายแสงซ้ำในวันถัดไปและอีกสองวันหลังจากนั้นค่ะ 

ก่อนผ่าตัดศัลยกรรมปลูกผม FUE ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

วิธีเตรียมตัวก่อนปลูกผม FUE
วิธีเตรียมตัวก่อนปลูกผม FUE

เมื่อผ่านการประเมินจากแพทย์แล้วว่าคนไข้สามารถเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผม FUE ได้ ขั้นตอนก่อนเริ่มหัตถการจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

  • นัดหมายกับแพทย์ในเรื่องวันที่สามารถเข้ามาทำหัตถการปลูกผม FUE ได้ โดยจะต้องพิจารณาไปถึงหลังปลูกผม FUE ว่ามีงานสำคัญหรือมีกิจกรรมจำเป็น ที่ต้องสัมผัสกับแดดหรือดำน้ำหรือไม่
  • ก่อนวันทำหัตถการปลูกผม FUE 7 วัน จะต้องงดยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันตับปลา ยาสลายลิ่มเลือด เป็นต้น
  • หากมีโรคประจำตัว มียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ หรือรับประทานอยู่ในช่วงนี้ หรือมีประวัติแพ้ยาชาจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำหัตถการทุกครั้ง
  • ในช่วง 48 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการปลูกผม FUE งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ 
  • ปรับพฤติกรรมการนอน โดยการหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ต้องงดน้ำและอาหารก่อนทำหัตถการปลูกผม FUE  
  • ในวันทำหัตถการปลูกผม FUE ควรจะมีผู้ติดตามมาด้วยและไม่ควรจะขับรถมาเองเนื่องจากหลังทำหัตถการปลูกผม FUE คนไข้อาจมีอาการอ่อนเพลีย สะลึมสะลือได้ค่ะ
  • ในวันทำหัตถการปลูกผม FUE ควรจะใส่เสื้อเสื้อคอกว้างหรือเป็นเสื้อกระดุมหน้าเพื่อความสะดวกในการถอดเสื้อหลังปลูกผม FUE

หลังผ่าตัดศัลยกรรมปลูกผม FUE ควรดูแลตนเองอย่างไร?

หลังปลูกผม FUE แล้วแพทย์และเจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำในการดูแลตนเองอีกครั้ง เพื่อลดการเกิดผลข้างเคียงและเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการปลูกผม FUE มากขึ้นค่ะ

  • หลังปลูกผม FUE ห้ามแกะเกาบริเวณที่ปลูกผม FUE ในช่วงแรก ๆ 1-5 วันหลังทำหัตถการแพทย์จะนัดเข้าไปดูแผลและทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะให้ และหลังที่แพทย์อนุญาตให้สระผมได้เองแล้วแนะนำให้ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนหรือแชมพูเด็กอย่างน้อย 1 เดือนหลังทำหัตถการ
  • รับประทานยาฆ่าเชื้อที่แพทย์จ่ายให้จนครบอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการดื้อยาฆ่าเชื้อในอนาคต
  • หากมีอาการปวดให้รับประทานยาแก้ปวดที่แพทย์จ่ายให้ หรืออาจรับประทานวันละ 1 เม็ดในช่วง 3 วันแรกก็จะช่วยลดอาการปวดแผลได้ดีขึ้นค่ะ
  • หลังทำหัตถการปลูกผม FUE แพทย์อาจนัดคนไข้เข้ามาดูแผลและติดตามการรักษาในช่วง 1-5 วันแรก และจะเว้นระยะห่างการนัดพบแพทย์ทุก ๆ 1 เดือนจนครบ 6 เดือน และหลังครบ 6 เดือนก็จะนัดทุก ๆ 3 เดือนจนครบ 1-1ปีครึ่งค่ะ
  • ปรับพฤติกรรมงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ทั้งก่อนและหลังทำหัตถการปลูกผม FUE เป็นเวลา 48 ชั่วโมง
  • งดการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่เกิดเหงื่อ หรือต้องสัมผัสกับน้ำอย่างการว่ายน้ำและการดำน้ำอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังปลูกผม FUE
  • สามารถจัดแต่งทรงผมด้วยเจลหรือสเปรย์หลังทำหัตถการ ปลูกผม FUE ไปแล้ว 1 สัปดาห์ สำหรับการตัดแต่งทรงผม 2 สัปดาห์ และสำหรับการทำสีผม 1 เดือน
  • หากพบอาการผิดปกติใด ๆ เช่น มีไข้สูง ปวดแผลมาก มีเลือดออกมาก ไม่มีความรู้สึกบริเวณหนังศีรษะให้รีบเข้าพบแพทย์โดยเร็ว

ปลูกผม FUE มีข้อดีและข้อจำกัดอะไรบ้าง?

เทคนิคปลูกผม FUE มีข้อดีและข้อจำกัดอะไรบ้าง หมอขอรวบรวมข้อดีและข้อจำกัดของการปลูกผม FUE เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ ดังนี้ค่ะ

ข้อดีในการปลูกผม FUE

  • การปลูกผม FUE ไม่ต้องผ่าตัดแยกหนังศีรษะออกเพื่อไปคัดกราฟท์ผมข้างนอก แต่สามารถแยกกราฟท์ผมจากศีรษะได้เลย ทำให้แผลเล็ก ไม่มีรอยแผลเป็นยาว ใช้เวลาพักฟื้นน้อย คนไข้รู้สึกปวดเล็กน้อยเท่านั้น
  • คนไข้สามารถไว้ผมสั้นได้อย่างมั่นใจเนื่องจากรอยแผลเป็นจากการศัลยกรรมปลูกผม FUE จะเล็กมากจนสังเกตได้ยาก
  • สามารถรักษาภาวะผมร่วง ผมบางที่เกิดจากกรรมพันธุ์ได้
  • ผมที่ขึ้นมาใหม่หลังศัลยกรรมปลูกผม FUE จะคงอยู่อย่างแข็งแรงและถาวร
  • สามารถใช้แก้ไขปัญหาผมแหว่งจากรอยแผลเป็นบริเวณหนังศีรษะโดยการปลูกผม FUE ทับแผลได้เลย

ข้อจำกัดในการปลูกผม FUE 

  • การปลูกผม FUE เป็นเทคนิคที่ต้องใช้ความชำนาญและความอดทนของแพทย์สูง เนื่องจากทั้งกระบวนการแยกกราฟท์ผมหรือเซลล์ต้นกำเนิดผมและการปลูกผมกลับไปยังบริเวณที่รักษาล้วนต้องใช้เวลาและความแม่นยำอย่างมาก
  • การศัลยกรรมปลูกผม FUE ไม่สามารถใช้รักษากับผู้ที่มีผมบาง ศีรษะล้านทั้งศีรษะ เนื่องจากจำนวนกราฟท์ผมไม่เพียงพอต่อการนำไปปลูก
  • การปลูกผม FUE ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องใช้จำนวนกราฟท์ผมเยอะกว่า 4,000 กราฟท์ เนื่องจากจะทำให้บริเวณที่เราเก็บเกี่ยวกราฟท์ผมอย่างบริเวณท้ายทอยบางลงค่ะ

เทคนิคการปลูกผม FUE เหมาะกับใครบ้าง

เทคนิคการศัลยกรรมปลูกผม FUE เหมาะกับใครบ้าง?

  • คนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางจากกรรมพันธุ์
  • คนไข้ที่ต้องการแก้ไขปิดรอยแผลบนหนังศีรษะ
  • คนไข้ที่มีเวลาพักฟื้นน้อย
  • คนไข้ที่ใช้จำนวนกราฟท์ผมไม่มาก
  • คนไข้ที่ต้องการปรับแนวไรผมเพื่อปรับรูปหน้าให้ละมุนขึ้น

เทคนิคการปลูกผม FUE ไม่เหมาะกับใคร

เพราะการปลูกผม FUE ยังมีข้อจำกัดอยู่บางประการ ทำให้คนไข้ในกลุ่มนี้ไม่เหมาะที่จะใช้เทคนิคปลูกผม FUE ในการแก้ไขปัญหาค่ะ

  • คนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางทั่วศีรษะ เนื่องจากการปลูกผม FUE เป็นวิธีการย้ายเซลล์ต้นกำเนิดผมจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ในจุดที่ถูกนำเซลล์ต้นกำเนิดออกไปแล้วจะไม่มีเส้นผมงอกขึ้นมาใหม่อีก ทำให้ผมบริเวณนั้นบางลงค่ะ
  • คนไข้ที่มีปัญหาศีรษะล้านทั้งศีรษะ เนื่องจากไม่มีเซลล์ต้นกำเนิดผมหลงเหลือเพื่อนำไปปลูกถ่ายค่ะ
  • คนไข้ที่เป็นโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบที่หนังศีรษะและยังคงอยู่ในช่วงกำเริบ เช่น โรคผมร่วงเป็นหย่อม ผมร่วงจากภาวะพังผืดใต้ผิวหนัง ภาวะโรคหนังแข็ง เป็นต้น
  • คนไข้ที่เป็นโรคติดเชื้อที่หนังศีรษะหรือกำลังมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
  • คนไข้ที่มีโรคประจำตัวอันตราย เช่น โรคมะเร็งที่กำลังรักษา มีภาวะเลือดหยุดไหลยาก เป็นต้น
  • คนไข้ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ผลลัพธ์หลังผ่าตัดปลูกผม FUE ควรจะเป็นอย่างไร?

ผลลัพธ์หลังปลูกผม FUE
ผลลัพธ์หลังปลูกผม FUE

หลังศัลยกรรมปลูกผม FUE ไปแล้วคนไข้อาจมีอาการปวดระบมบริเวณที่ปลูกผม FUE เล็กน้อย เมื่อผ่านไป 14 วันแผลบริเวณที่เจาะและปลูกก็จะเริ่มหายและตกสะเก็ด ในช่วงนี้คนไข้อาจรู้สึกคันบริเวณแผลได้ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้กราฟท์ผมที่ปลูกหลุดออกมา จึงไม่ควรจะเกาหรือแกะสะเก็ดออกจนกว่าจะหลุดออกไปเองค่ะ

เมื่อผ่านไปประมาณ 1 เดือนอาจพบว่าแผลเริ่มหายดีแล้ว และบริเวณที่เพิ่งปลูกผม FUE มาร่วงหลุดไป ในส่วนนี้คนไข้ไม่ต้องกังวลเนื่องจากเส้นผมจะเริ่มเข้าสู่วงจรผมและหลังจากนั้นก็จะมีผมงอกมาใหม่เหมือนกับผมธรรมชาติ โดยผมที่ขึ้นใหม่นี้จะแข็งแรงและคงอยู่ถาวร โดยจะใช้เวลาประมาณ 4-8 เดือน และผมจะเจริญเติบโตเต็มที่ในช่วง 1-1 ปีครึ่งค่ะ

หลังการผ่าตัดปลูกผม FUE อาจพบผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

หลังการทำหัตถการปลูกผม FUE คนไข้อาจพบผมข้างเคียงได้ โดยปกติมักเป็นผลข้างเคียงที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสามารถหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไปค่ะ ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการปลูกผม FUE มีดังนี้

  • หลังทำหัตถการปลูกผม FUE อาจพบเลือดซึมบริเวณที่เจาะหรือปลูกผม FUE หลังจากพันผ้าพันแผลได้ค่ะ แต่โดยปกติเลือดจะไม่ซึมออกมาจนเต็มผ้าพันแผล อย่างไรก็ตามหากคนไข้มีเลือดออกมากจนเต็มผ้าพันแผล เลือดไม่ยอมหยุดไหลควรกลับมาพบแพทย์ทันที
  • คนไข้อาจมีอาการปวดบวมแผลบริเวณที่ปลูกผม FUE รวมไปถึงบริเวณหน้าผากและหนังตาบนได้ค่ะ อาการปวดเหล่านี้จะค่อย ๆ ทุเลาลงในช่วง 5-7 วัน สามารถรับประทานยาแก้ปวดและพยายามนอนหนุนหมอนสูงก็จะช่วยลดการคั่งของเลือดบริเวณแผลได้ค่ะ
  • หลังจากนั้นคนไข้อาจพบอาการคันหนังศีรษะในช่วง 2-3 วัน หรือช่วง 7-14 วันเนื่องจากแผลเริ่มแห้งและเริ่มตกสะเก็ด ไม่ควรเกาและแกะแผลเนื่องจากมีโอกาสที่กราฟท์ผมที่ปลูกลงไปจะหลุดออกได้และทำให้การปลูกผม FUE ไม่ขึ้นค่ะ โดยอาการคันจะดีขึ้นภายใน 7-14 วัน
  • เมื่อแผลจากการปลูกผม FUE หายแล้วประมาณ 1-3 เดือน คนไข้อาจเจอกับปัญหาผมร่วงอีกครั้ง แต่ผมร่วงนี้เป็นผมร่วงที่เกิดจากเส้นผมเริ่มเข้าสู่วงจรของเส้นผม และจะกลับมางอกใหม่ในช่วง 4-8 เดือน และเจริญเติบโตเต็มที่ในช่วง 1-1 ปีครึ่งค่ะ
  • ในคนไข้บางรายอาจพบตุ่มแดงหรือตุ่มหนองบริเวณที่ปลูกผม FUE ซึ่งมาจากการอักเสบติดเชื้อเล็กน้อย สามารถใช้ยาฆ่าเชื้อแบบทาและแบบรับประทานในการรักษาได้ค่ะ

ปลูกผม FUE ที่ Dr.Tarinee Hair Clinic

ปลูกผม FUE ที่ Dr.Tarinee Hair Clinic
ปลูกผม FUE ที่ Dr.Tarinee Hair Clinic

ในปัจจุบันเทคนิคปลูกผม FUE เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากจึงมีโรงพยาบาลและคลินิกปลูกผม FUE มากมาย แต่จะเลือกปลูกผม FUE ที่ไหนดีนั้นควรจะต้องพิจารณาหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะต้องเป็นแพทย์ที่มีความชำนาญในการปลูกผม FUE เนื่องจากการปลูกผม FUE จะต้องใช้ความแม่นยำและความอดทนสูง การมีอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย รวมถึงสถานที่จะต้องสะอาดตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของคนไข้

อยากรู้หลักการเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลเพื่อปลูกผม FUE ที่ไหนดี อ่านต่อได้ที่ : ปลูกผมที่ไหนดี

ที่ Dr.Tarinee Hair Clinic นำโดยคุณหมอธาริณีหรือคุณหมอแก้ว แพทย์เฉพาะทางโรคเส้นผมและหนังศีรษะ ที่สามารถดูแลปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะได้ทั้ง โรคและการผ่าตัดปลูกผมอย่างครบวงจร คุณหมอเป็นผู้ดูแลคนไข้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะเองทุกราย พร้อมทั้งวางแผนการรักษาปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะด้วยประสบการณ์อย่างตรงไปตรงมา ดำเนินการรักษาด้วยเทคนิคและเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยเพื่อให้คนไข้ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและเป็นที่พึงพอใจค่ะ

ปลูกผมเทคนิคเฉพาะ FUE 

ปัญหาอย่างหนึ่งของการปลูกผม FUE คือมีโอกาสที่กราฟท์ผมหรือกอผมจะสูญเสียไปขณะเจาะแยกออกมาจากหนังศีรษะ ทำให้กราฟท์ผมที่เจาะออกมาอาจไม่ได้ถูกนำไปใช้ครบทั้ง 100% เนื่องจากเกิดความเสียหายขึ้น ที่ Dr.Tarinee Hair Clinic จึงได้พัฒนาเทคนิคเฉพาะอย่าง MicroTRIM FUE ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของกราฟท์ผม ลดอัตราการสูญเสียกราฟท์ผม ช่วยให้สามารถนำกราฟท์ผมที่เจาะออกมานำไปใช้ปลูกผม FUE ได้มากขึ้นค่ะ

นอกจากนี้ที่ Dr.Tarinee Hair Clinic เรายังมีการนำกอผมไปตัดแต่งภายใต้กล้องจุลทรรศน์เพื่อให้ขั้นตอนการนำกอผมกลับไปปลูกจะได้ผมที่เป็นธรรมชาติและมีโอกาสปลูกติดสูงขึ้น อีกทั้งในขั้นตอนการเก็บเกี่ยวกราฟท์ผมจากหนังศีรษะ ก็จะมีการแช่กราฟท์ในน้ำยาแช่กราฟท์โดยเฉพาะ เพื่อที่จะคงความสมบูรณ์ของเซลล์ต้นกำเนิดผมค่ะ ทำให้เทคนิค MicroTRIM FUE ที่ทางคลินิกพัฒนาขึ้น สามารถให้กราฟผมอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดเพื่อกระบวนการการปลูกผม FUE ที่ดีที่สุดค่ะ

รีวิวการปลูกผม FUE ที่ Dr.Tarinee Hair Clinic

รีวิวก่อนปลูกผม FUE ที่ Dr.Tarinee Hair Clinic
รีวิวก่อนปลูกผม FUE ที่ Dr.Tarinee Hair Clinic
รีวิวหลังปลูกผมที่ Dr.Tarinee Hair Clinic
รีวิวหลังปลูกผมที่ Dr.Tarinee Hair Clinic

ที่ Dr.Tarinee Hair Clinic คลินิกปลูกผมและโรคเฉพาะทางด้านเส้นผมและหนังศีรษะโดยการดูแลของคุณหมอธาริณีหรือคุณหมอแก้ว แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ผมร่วง ผมบางที่มีความชำนาญในการรักษาปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะมานานกว่า 15 ปี และดูแลมามากกว่า 3,000 เคส 

คนไข้ทุกคนที่มาที่ Dr.Tarinee Hair Clinic จะได้รับการตรวจประเมิน วินิจฉัยและดำเนินการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางทุกเคส ให้คนไข้ได้รับการรักษาแก้ไขปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะอย่างตรงจุด 

การปลูกผม FUE ก็เป็นหนึ่งในหัตถการที่นิยมในคลินิกปลูกผม Dr.Tarinee Hair Clinic โดยคนไข้ที่มารักษาก็มีทั้งคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือเป็นคนไข้ที่มีหน้าผากกว้าง หน้าผากสูงและต้องการปรับให้รูปหน้าดูละมุนขึ้น คุณหมอแก้วก็สามารถรักษาปัญหาผมให้คนไข้กลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง

คำถามที่พบบ่อยสำหรับการปลูกผม FUE

  1. ปลูกผม FUE ควรปลูกกี่กราฟท์

    การปลูกผมจะต้องใช้จำนวนกราฟท์ผมเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและพื้นที่บริเวณที่ต้องการปลูกผม FUE ค่ะ โดยแต่ละตำแหน่งจะใช้จำนวนกราฟท์ที่ต่างกันไป เช่น บริเวณขวัญอาจใช้ประมาณ 1,000-1,500 กราฟท์ หรือหากเป็นบริเวณไรผมด้านหน้าอาจใช้ประมาณ 1,000-2,000 กราฟท์ แต่ทั้งนี้การปลูกผม FUE นั้นจะไม่นิยมใช้การปลูกผมพื้นที่กว้างที่ต้องใช้กราฟท์ผมมากกว่า 4,000 กราฟท์ค่ะ

  2. ปลูกผม FUE เจ็บไหม

    ก่อนจะเริ่มหัตถการปลูกผม FUE แพทย์จะฉีดยาชาเพื่อระงับความรู้สึกบริเวณที่ต้องทำหัตถการปลูกผม FUE ในระหว่างกระบวนการคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่แพทย์ก็จะคอยซักถามอาการเจ็บกับคนไข้อยู่เป็นระยะค่ะ หากมีอาการเจ็บสามารถแจ้งแพทย์เพื่อเพิ่มยาชาได้ 

    หลังปลูกผม FUE คนไข้อาจพบอาการเจ็บเพียงเล็กน้อย จากการประเมินระดับความเจ็บกับคนไข้หลังปลูกผม FUE ด้วยคะแนนเต็ม 10 มักจะได้คะแนนประมาณ 2-3 คะแนนโดยเฉลี่ยเท่านั้น

  3. ปลูกผม FUE อยู่ได้นานเท่าไหร่

    หลังจากปลูกผม FUE ไปประมาณ 1-3 เดือนเส้นผมอาจร่วงได้และจะกลับมาขึ้นใหม่ในช่วง 4-8 เดือน เจริญเติบโตเต็มที่ในช่วง 1-1 ปีครึ่ง โดยที่เส้นผมใหม่นี้จะอยู่ถาวรที่ถึงแม้ว่าจะตัด ดึง ถอน เส้นผมก็จะกลับมาขึ้นใหม่ตามวงจรผมค่ะ 

    แต่อย่างไรก็ตามในบริเวณที่ไม่ได้ปลูกผม FUE อาจร่วงหรือมีขนาดเล็กลงจากกรรมพันธุ์หรือตามอายุได้ โดยแพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยาในการรักษาร่วมด้วยค่ะ

  4. เวลาที่ใช้ในการผ่าตัดปลูกผม FUE

    การปลูกผม FUE เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อน ความแม่นยำ และความอดทนสูง ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเจาะกราฟท์ผมหรือจะเป็นขั้นตอนการปลูกผม FUE กลับลงไปทีละกอ ๆ จนหมด ซึ่งมักจะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น บริเวณที่ต้องการปลูกผม FUE ลักษณะเส้นผม และความยากง่ายในแต่ละเคสค่ะ

สรุปปลูกผม FUE

การปลูกผม FUE เป็นเทคนิคปลูกผมถาวรที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ช่วยแก้ไขปัญหาผมร่วง ผมบางให้ผมกลับมาขึ้นใหม่อย่างแข็งแรงและถาวรอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเกิดแผลขนาดเล็กจึงใช้เวลาพักฟื้นน้อย คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เลย

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ต้องการปรึกษาการปลูกผม FUE กับคุณหมอ สามารถติดต่อได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ คุณหมอยินดีให้คำปรึกษาค่ะ

References

Dua, A & Dua, K. (2010). Follicular Unit Extraction Hair Transplant. Journal of Cutaneous and Aesthetic Surgery, 3(2): 78-81.  doi: 10.4103/0974-2077.69015

Jewell, T. (2020, July 14). Everything to Know About a FUE Hair Transplant. Healthline. https://www.healthline.com/health/cosmetic-surgery/everything-to-know-about-a-fue-hair-transplant

Pathania, V. Sood, A. Beniwal, N. Baveja, S. Shankar, P. & Patrikar, S. (2021). Randomized control trial to study the efficacy and safety of platelet-rich plasma as intraoperative holding solution in hair restoration surgery: A pilot study. Medical Journal Armed Forces India, 79(1): 1-7. doi:10.1016/j.mjafi.2021.04.015

Bernstein, RM. Rassman, WR. Szaniawski, W. & Halperin, AJ. (1995). Follicular Transplantation. International Journal of Aesthetic and Restorative Surgery. 3(2): 119-132. https://www.bernsteinmedical.com/research/follicular-transplantation/